Last updated: 22 ส.ค. 2568 | 34 จำนวนผู้เข้าชม |
1. เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับอินเทอร์เน็ต
o หากใช้ Wi-Fi แนะนำให้อยู่ใกล้ตัวเราเตอร์
o ถ้าใช้สาย LAN จะได้ค่าที่เสถียรกว่า
2. เข้าเว็บไซต์หรือแอปสำหรับทดสอบความเร็ว
o เว็บยอดนิยม เช่น Speedtest.net หรือ Fast.com
o หรือจะโหลดแอป Speedtest/FAST บนมือถือก็ได้
o หรือจะเข้า Google แล้ว search คำว่า “internet speed test” ก็จะเจอลิงก์หน้าเว็บที่มีให้ทดสอบง่ายๆ มากมาย
3. กดปุ่ม “Go” หรือ “Start”
o ระบบจะทดสอบค่า ดาวน์โหลด (Download), อัปโหลด (Upload), และค่า Ping และบางที่จะมีค่า jitter หรือความสม่ำเสมอของสัญญาณด้วย
4. อ่านผลลัพธ์
o Download: ความเร็วในการรับข้อมูล เช่น ดูหนัง โหลดไฟล์
o Upload: ความเร็วในการส่งข้อมูล เช่น วิดีโอคอล อัปโหลดรูป/ไฟล์
o Ping: ความหน่วงในการรับ-ส่งข้อมูล ง่ายๆ ก็คือ เวลาที่สัญญาณเดินทางจากเครื่องของคุณไปถึงเซิร์ฟเวอร์ และกลับมาเป็นคำตอบ วัดเป็นหน่วย มิลลิวินาที (ms) ค่า Ping ยิ่งต่ำ ยิ่งดี
ถ้ามากกว่า 100 ms หรือ 0.1 วินาทีจะไม่เหมาะกับการเล่นเกมออนไลน์ หรือประชุมออนไลน์
ต่ำกว่า 20 ms หรือ 0.02 วินาที ถือว่าดีมากเล่นเกม วิดีโอคอล และทำงานแบบเรียลไทม์ได้
o Jitter : ค่าความนิ่ง หรือความสม่ำเสมอของสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือค่าการแกว่งขึ้นๆ ลงๆ ของค่า Ping ยิ่งค่า Jitter ต่ำ แสดงว่า สัญญาณเสถียรมาก ซึ่งค่า Jitter สูงจะทำให้เวลาประชุมออนไลน์เสียงขาดๆ หายๆ หรือเล่นเกมแล้วรู้สึกแลคเป็นพักๆ หรือถ้าดูหนังแบบสตรีมมิ่งจะมีอาการกระตุกเป็นช่วงๆ
ถ้ามากกว่า 50 ms จะกระทบต่อการใช้งาน
ถ้าต่ำกว่า 20ms ถือว่าดี เสถียรมาก